简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:สรุป 5 ข้อที่ต้องเช็กก่อนเข้าออเดอร์เทรด 1. วางแผนเกณฑ์การเทรดให้ชัดเจน 2. รอสัญญาณคอนเฟิร์มก่อนเข้าออเดอร์ 3. ตั้งค่า Stop Loss เป็น Pips 4. คำนวณผลตอบแทนและความเสี่ยง (Risk/Reward) 5. คำนวณ Lot Size ให้เหมาะสม
วันนี้แอดเหยี่ยวจะพาเพื่อนๆ มาทบทวน “กฎ 5 ข้อต้องเช็คก่อนเข้าออเดอร์เทรด” ซึ่งเนื้อหานี้อ้างอิงมาจากช่อง YouTube ชื่อดัง KOJO FOREX ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.6 แสนคน! ใครยังไม่ได้ติดตามก็ไปกด Subscribe ได้เลย เพราะเจ้าของช่องอย่าง KOJO มีประสบการณ์และเทคนิคการเทรดที่น่าสนใจมากมาย
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า! กฎทั้ง 5 ข้อนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเทรดและลดความผิดพลาด ลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. แผนเกณฑ์การเทรด
ก่อนอื่นต้องถามตัวเองว่า “คุณมีเหตุผลที่ชัดเจนก่อนเข้าเทรดหรือเปล่า?”
การมีเกณฑ์การเทรดคือหัวใจสำคัญ มันไม่ได้สำคัญว่าคุณเลือกใช้กลยุทธ์แบบไหน ไม่ว่าจะเป็น Order Block, SMC, ICT, Support & Resistance, หรือ Demand & Supply สิ่งสำคัญคือ คุณต้องมี “กฎเกณฑ์” ของตัวเองที่ชัดเจนและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
ทำไมต้องมีแผน?
เพราะมันช่วยให้คุณเทรดอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แค่เทรดตามอารมณ์หรือการเดาสุ่ม
2. สัญญาณคอนเฟิร์มในการเข้าเทรด
เทรดเดอร์ที่ดีไม่ควรรีบเร่งเข้าออเดอร์ สิ่งสำคัญคือต้องรอ “สัญญาณยืนยัน” ว่าการเทรดครั้งนั้นเหมาะสมจริงๆ
- บางคนใช้สัญญาณจาก รูปแบบแท่งเทียน
- บางคนพึ่งพา อินดิเคเตอร์
KOJO แนะนำว่าอะไร?
ใจเย็นและรอสัญญาณที่ชัดเจน เพราะมันช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเข้าออเดอร์ และลดโอกาสการตัดสินใจผิดพลาด
3. ตั้งค่า Stop Loss เป็น Pips
นี่คือกฎทองของการบริหารความเสี่ยง!
การตั้งค่า Stop Loss คือการกำหนดจุดยอมขาดทุนที่รับได้ เพื่อปกป้องพอร์ตของคุณจากความเสียหายที่ใหญ่เกินไป
เทคนิคของ KOJO:
- คำนวณ Stop Loss อย่างละเอียด โดยพิจารณาจากคู่เงินที่คุณเทรด
- ค่า Stop Loss ที่เหมาะสมสำหรับ KOJO อยู่ที่ 20-50 pips
อย่ามองข้าม!
การไม่ตั้ง Stop Loss หรือการกำหนด Stop Loss ที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้พอร์ตของคุณพังได้ในระยะยาว
4. คำนวณผลตอบแทนและความเสี่ยง (Risk/Reward)
ก่อนที่จะกดเข้าออเดอร์ ให้ถามตัวเองว่า “มันคุ้มค่าหรือไม่ที่จะเสี่ยง?”
วิธีคำนวณคือดูอัตราส่วน Risk/Reward Ratio (RR Ratio) เช่น
- ถ้า RR Ratio = 1:2 หมายความว่าถ้าคุณเสีย 1 คุณจะได้กลับมา 2 เท่า
สิ่งสำคัญ:
- Reward > Risk = คุ้มที่จะเสี่ยง
- Risk > Reward = อย่าเสี่ยงเด็ดขาด
การคำนวณแบบนี้ช่วยให้การลงทุนของคุณมีประสิทธิภาพ และลดโอกาสการขาดทุนที่ไม่จำเป็น
5. คำนวณ Lot Size ก่อนเข้าเทรด
ข้อสุดท้ายที่นักเทรดหลายคนมองข้าม!
อย่าใช้ “สัญชาตญาณ” ในการกำหนด Lot Size เพราะมันอาจทำให้พอร์ตแตกได้
สิ่งที่ต้องทำ:
- คำนวณ Lot Size อย่างเหมาะสมกับขนาดพอร์ตของคุณ
- พิจารณาความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง
จำไว้ว่า:
เทรดเดอร์มืออาชีพอย่าง KOJO ไม่เคยปล่อยให้ความรู้สึกมาอยู่เหนือการวางแผน
สรุป 5 ข้อที่ต้องเช็กก่อนเข้าออเดอร์เทรด
1. วางแผนเกณฑ์การเทรดให้ชัดเจน
2. รอสัญญาณคอนเฟิร์มก่อนเข้าออเดอร์
3. ตั้งค่า Stop Loss เป็น Pips
4. คำนวณผลตอบแทนและความเสี่ยง (Risk/Reward)
5. คำนวณ Lot Size ให้เหมาะสม
ขอบคุณข้อมูลจาก KOJO FOREX
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
FXTM
KVB
Saxo
ATFX
STARTRADER
Pepperstone
FXTM
KVB
Saxo
ATFX
STARTRADER
Pepperstone
FXTM
KVB
Saxo
ATFX
STARTRADER
Pepperstone
FXTM
KVB
Saxo
ATFX
STARTRADER
Pepperstone