简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ไนซ์ CNX เปิดใจ สูญเงิน 5 ล้านจากคริปโต เพราะ "โลภ" และ "ไม่ยอมตัดขาดทุน" เขาเคยหลงระเริงกับความสำเร็จรวดเร็ว จนพังหมดตัวในพริบตา วันนี้ไนซ์เตือนคนรุ่นใหม่ "อย่ารีบรวย" และ "อย่าโกงตัวเองด้วยความโลภ" การลงทุนต้องมีสติ ศึกษาลึก และรับผิดชอบการตัดสินใจด้วยตัวเอง
ไนซ์ CNX แร็พเปอร์หนุ่มเจ้าของเพลงฮิต “หลอก” ที่กำลังมีผลงานเพลงใหม่ “เพราะ” ออกมาเล่าเรื่องราวชีวิตในมุมที่หลายคนอาจไม่เคยรู้ — ประสบการณ์สูญเงิน 5 ล้านบาท จากการลงทุนใน คริปโตเคอร์เรนซี พร้อมส่งสารเตือนใจไปถึงคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหาความรวยทางลัด
ขอบคุณรูปจาก spacebar
ไนซ์เล่าว่า จุดเริ่มต้นของเขาในโลกคริปโตนั้นง่ายมาก เพียงแค่ลงทุน “หลักหมื่น” แต่ไม่คาดคิดว่าจะสร้างกำไรได้ หลักล้าน ภายในเวลาอันรวดเร็ว
“วินาทีที่เห็นเงินไหลเข้าบัญชี มันเร็วมาก เร็วกว่าการทำธุรกิจปกติ เหมือนถูกหวยเลย ผมไม่คิดว่าจากเงินหลักหมื่นจะกลายเป็นเกือบ 5 ล้านได้ขนาดนั้น” ไนซ์เล่า
ความตื่นเต้นที่มาพร้อมกับตัวเลขจำนวนมหาศาล ทำให้มุมมองชีวิตของเขาเปลี่ยนไปทันที — จากคนที่ต้องทำงาน กลายเป็นคนที่รู้สึกว่าไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว ชีวิตเต็มไปด้วยอำนาจที่เงินซื้อได้ นอนโรงแรมหรู กินโอมากาเสะทุกวัน ปฏิเสธงานที่ผู้จัดการโทรมาติดต่อ เพราะรู้สึกว่าชีวิตมีทุกอย่างแล้ว
แต่แล้ว...ทุกอย่างก็พังทลายลง
ไนซ์ยอมรับตรงๆ ว่า ความผิดพลาดทั้งหมดเกิดจาก “ความโลภ” ของตัวเอง เขายื้ออยู่ในตลาดมากเกินไป หวังว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นอีก ไม่ถอนเงินออกเมื่อถึงจุดที่ควรพอ และเมื่อราคาตลาดดิ่งลง เขากลับไม่กล้า “ตัดขาดทุน” เพราะหวังว่าตลาดจะกลับมา สุดท้ายไม่เหลืออะไรเลย
“วันหนึ่งตื่นมา เงินหายไปหมด เหลือเงินในบัญชีไม่เกิน 1,000 บาท ตอนนั้นช็อกมาก ถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าตัวตายแว้บเข้ามาเลย”
ไนซ์เผยว่าช่วงเวลานั้น เขาเหมือนคนอกหัก แต่ไม่ใช่เพราะความรัก — มันเป็นการอกหักจาก “ชีวิตตัวเอง” และใช้เวลานานกว่า 4-5 เดือนกว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากความเศร้านั้น
แม้จะเจ็บหนัก แต่ไนซ์ไม่ได้โทษใครเลย
“ไม่มีใครโกงผมหรอก ธุรกิจนี้มันโกงกันไม่ได้ เพราะทุกอย่างอยู่ในระบบอินเทอร์เน็ต มันอยู่ที่ตัวผมเองที่โลภเกินไป ไม่ศึกษาพอ ลงทุนแบบฉาบฉวย”
ในช่วงที่กำลังรุ่ง ไนซ์ยังเคยชักชวนเพื่อนศิลปินในวงการเข้ามาลงทุนด้วย หลายคนได้กำไร แต่หลายคนก็สูญเสียเหมือนเขา และไนซ์ก็ยอมรับว่าช่วงนั้นตัวเองก็ไม่ได้เตือนใคร เพราะตื่นเต้นไปกับความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบันไนซ์ไม่ได้เลิกยุ่งเกี่ยวกับคริปโตเสียทีเดียว เขามองว่ามันคือเทคโนโลยีใหม่ที่มีอนาคต แต่เตือนทุกคนว่า
“ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งจริงๆ เดินตามขั้นบันได อย่ากระโดดข้ามขั้นเหมือนผม เพราะถ้าตกลงมาแล้ว ปีนกลับขึ้นไปมันยากมาก”
ไนซ์ทิ้งท้ายอย่างจริงใจว่า
“การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ อย่าโลภ อย่ารีบรวย และอย่าโทษใครเมื่อพลาด จงรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเองให้ได้”
ในโลกของการลงทุน ไม่มีใครมาโกงคุณได้ง่ายๆหรอก มีแต่ตัวคุณเองนั่นแหละที่โกงตัวเองด้วยความโลภ ความอยากรวยทางลัดคือกับดักที่หวานหอมที่สุด และถ้าคุณข้ามขั้นเร็วเกินไป วันหนึ่งคุณจะร่วงหนักจนไม่มีแรงปีนกลับขึ้นมาได้อีก ไนซ์ CNX ไม่ได้ถูกใครโกง เงิน 5 ล้านที่หายไป คือราคาที่ต้องจ่ายให้กับการไม่ศึกษาและความประมาท การลงทุนไม่ใช่เรื่องของดวง แต่คือเรื่องของสติ วินัย และการวางแผน ใครที่ยังคิดว่าการได้กำไรง่ายๆ คือของจริงในโลกนี้ เตรียมตัวเสียใจได้เลย เพราะโลกจริงโหดกว่านั้นเยอะ และมันไม่เคยปรานีคนที่ประมาท
ขอบคุณข้อมูลจาก khaosod
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้เปรียบเทียบบิทคอยน์และทองคำในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุน โดยชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างในด้านจำนวนจำกัด ความสามารถในการเก็บมูลค่า ความปลอดภัย และความคล่องตัวในการเคลื่อนย้าย ทั้งสองสินทรัพย์มีบทบาทในการป้องกันความเสี่ยงและตอบโจทย์นักลงทุนในลักษณะที่ต่างกัน — บิทคอยน์เหมาะสำหรับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและสนใจเทคโนโลยีใหม่ ส่วนทองคำเหมาะกับผู้ที่ต้องการความมั่นคงระยะยาว บทสรุปเสนอแนวทาง “กระจายการลงทุน” ถือทั้งสองสินทรัพย์ตามสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อสร้างสมดุลระหว่างโอกาสและความปลอดภัยในพอร์ตลงทุน
บทความนี้เปิดโปงปรากฏการณ์ “Pump and Dump” ในโลกคริปโต ที่อินฟลูเอนเซอร์ใช้ชื่อเสียงปลุกกระแสเหรียญเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยมักได้รับค่าตอบแทนหรือถือเหรียญไว้ล่วงหน้า ก่อนราคาจะถูกปั่นขึ้นจากความเชื่อของผู้ติดตาม แล้วถูกเทขายจนเหรียญราคาร่วง กรณีศึกษา “SaveTheKids” ชี้ให้เห็นว่าแม้อินฟลูเอนเซอร์จะมีชื่อเสียง แต่ไม่ได้หมายความว่ามีจรรยาบรรณ นักลงทุนจึงต้องใช้วิจารณญาณและตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านก่อนตัดสินใจลงทุน
“Bitcoin Pizza Day” เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของคริปโตเคอร์เรนซี่ โดยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ปี 2010 เมื่อโปรแกรมเมอร์ชาวฟลอริดาชื่อ Laszlo Hanyecz ใช้ Bitcoin จำนวน 10,000 เหรียญซื้อพิซซ่า 2 ถาด ถือเป็นครั้งแรกที่ Bitcoin ถูกใช้ในการซื้อสินค้าจริงในชีวิตประจำวัน แม้เหรียญเหล่านั้นจะมีมูลค่าเพียง 1,300 บาทในตอนนั้น แต่หากเก็บไว้จนถึงปัจจุบัน มูลค่าจะทะลุ 33,000 ล้านบาท เหตุการณ์นี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่เปลี่ยน Bitcoin จากแนวคิดในกลุ่มเล็ก ๆ ให้กลายเป็นสินทรัพย์ระดับโลกที่มีอิทธิพลทางการเงินอย่างมหาศาล.
บทความนี้พาย้อนรอยคดีแชร์ลูกโซ่ในโลกคริปโต ตั้งแต่ BitConnect, OneCoin, PlusToken ไปจนถึงโปรเจกต์ไทยอย่าง HashBX และฟีเวอร์ ICO ในปี 2017–2018 สะท้อนให้เห็นรูปแบบหลอกลวงที่เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้าตา แต่ยังคงใช้กลยุทธ์เดิมคือ “สัญญาผลตอบแทนสูงในเวลาอันสั้น” โดยแฝงเทคโนโลยีทันสมัยมาเพิ่มความน่าเชื่อถือ บทเรียนสำคัญคือ นักลงทุนต้องระวังกับคำพูดที่ดูดีเกินจริง และควรตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีใครรับประกันความปลอดภัยได้ในระยะยาว.
Exness
XM
IC Markets Global
Trive
Pepperstone
GTCFX
Exness
XM
IC Markets Global
Trive
Pepperstone
GTCFX
Exness
XM
IC Markets Global
Trive
Pepperstone
GTCFX
Exness
XM
IC Markets Global
Trive
Pepperstone
GTCFX