简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ กำลังพิจารณายกเว้นภาษีธุรกรรมคริปโตต่ำกว่า $600 เพื่อสนับสนุนการใช้งานในชีวิตประจำวัน พร้อมเดินหน้าผลักดันกฎหมายสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต ขณะเดียวกันก็แสดงจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านการพัฒนา CBDC (เงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง)
Karoline Leavitt โฆษกประจำทำเนียบขาวเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณามาตรการยกเว้นภาษี (de minimis exemption) สำหรับธุรกรรม Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ที่มีมูลค่าต่ำกว่า 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น
“เรายินดีสนับสนุนแนวคิดนี้อย่างเต็มที่ เพื่อให้การชำระเงินด้วยคริปโตสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การซื้อกาแฟสักแก้ว” Leavitt กล่าว “แม้ตอนนี้ยังทำไม่ได้ แต่หากมีการยกเว้นภาษีสำหรับธุรกรรมขนาดเล็ก ก็อาจเป็นจริงในอนาคต และเราจะเดินหน้าหาทางออกทางกฎหมายต่อไป”
Leavitt ยืนยันว่าประธานาธิบดีทรัมป์แสดงการสนับสนุนแนวคิดนี้แล้ว และฝ่ายบริหารยังคงผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะเป็นชัยชนะอีกขั้นของวงการคริปโตในสหรัฐฯ แม้ว่าหลายฝ่ายจะมองว่าเกณฑ์ $600 อาจยังสูงเกินไป
ก่อนหน้านี้ไม่นาน วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ได้เสนอร่างกฎหมายปฏิรูปภาษีคริปโต โดยเสนอให้ยกเว้นเฉพาะธุรกรรมต่ำกว่า $300 และเสนอแนวทางใหม่สำหรับการเก็บภาษีจากคริปโตที่ได้จากการขุด (mining) หรือการถือครองเพื่อรับผลตอบแทน (staking)
.
สภาผู้แทนฯ ผ่าน 3 ร่างกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับคริปโต
เมื่อวันที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้ผ่านร่างกฎหมายเกี่ยวกับคริปโต 3 ฉบับ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญที่สุดของการกำกับดูแลคริปโตในสหรัฐฯ ได้แก่
Leavitt กล่าวว่าร่างกฎหมายเหล่านี้สะท้อนถึงคำมั่นสัญญาของทรัมป์ในการทำให้ “อเมริกาเป็นศูนย์กลางคริปโตของโลก”
“ร่างกฎหมายนี้คือหนึ่งในคำมั่นสัญญาของประธานาธิบดี ที่จะทำให้อเมริกาเป็นผู้นำด้านคริปโตระดับโลก” Leavitt กล่าว
ฝ่ายค้านยังกังวล เกรงเปิดช่องให้บริษัทยักษ์ออกเงินดิจิทัลเอง
แม้ร่างกฎหมายชุดใหม่นี้จะได้รับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน แต่ยังมีเสียงคัดค้านจากพรรคเดโมแครต โดยเฉพาะวุฒิสมาชิก Elizabeth Warren จากรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งเตือนว่ากฎหมายอาจเปิดทางให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Elon Musk หรือ Mark Zuckerberg สามารถ “ออกสกุลเงินของตัวเองได้”
“หากร่างนี้ผ่าน จะเปิดทางให้บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ ออกเงินของตัวเองได้ เช่นเดียวกับ Elon หรือ Zuckerberg” Warren กล่าว
ฝ่ายบริหารชัดเจน ไม่เอา CBDC – เดินหน้าผลักดันห้ามพัฒนา
อีกหนึ่งจุดยืนสำคัญของรัฐบาลทรัมป์คือการต่อต้านเงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง (CBDC) โดย Leavitt ระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งห้ามพัฒนา CBDC แล้วตั้งแต่เดือนมกราคม และรัฐบาลยังสนับสนุนให้สภาคองเกรสออกกฎหมายเพื่อ “บังคับใช้คำสั่งนี้อย่างถาวร”
ประเด็นภาษีการขุด Bitcoin ยังเป็นโจทย์ท้าทาย
แม้ร่างปฏิรูปภาษีของวุฒิสมาชิก Lummis จะช่วยลดภาระภาษีให้กับนักลงทุน แต่ยังมีข้อโต้แย้งที่ยังไม่ถูกแก้ไข นั่นคือการที่กรมสรรพากรสหรัฐฯ (IRS) เก็บภาษีจากนักขุด Bitcoin ทั้งตอนที่ขุดสำเร็จ และตอนที่ขายเหรียญ ซึ่งถือเป็นกรณีพิเศษ เพราะสินทรัพย์อื่นๆ จะถูกเก็บภาษีเฉพาะเมื่อมีการขายเท่านั้น
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ เดินหน้าผลักดันนโยบายสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจน ทั้งการยกเว้นภาษีธุรกรรมขนาดเล็ก การต่อต้าน CBDC และการสนับสนุนกฎหมายที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมคริปโต ซึ่งทั้งหมดนี้อาจส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อทิศทางของสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับโลก
ขอบคุณข้อมูลจาก cryptopolitan
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ก.ล.ต. เตรียมเปิด Sandbox ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแลกคริปโทฯ เป็นเงินบาท และใช้จ่ายผ่าน e-Money ได้ในไทย โดยต้องผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับ. โครงการมุ่งส่งเสริมนวัตกรรมการเงิน ควบคู่กับการควบคุมความเสี่ยงและการตรวจสอบตัวตน (KYC).
ลงทุน Bitcoin วันละ 1,000 บาทแบบ DCA ต่อเนื่อง 8 ปี กลายเป็นเงินกว่า 32 ล้านบาทจากเงินต้นแค่ 2.8 ล้าน กลยุทธ์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวน และเน้นวินัยมากกว่า timing ตลาด เป็นตัวอย่างว่าการลงทุนเล็ก ๆ แต่สม่ำเสมอ อาจเปลี่ยนชีวิตได้
ปลายปี 2017 คือจุดพีคของกระแส Bitcoin ที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของการรวยเร็ว ราคาพุ่งทะยานจาก $1,000 สู่เกือบ $20,000 ในเวลาไม่ถึงปี จนเกิดกระแส FOMO ไปทั่วโลก ผู้คนเทขายทรัพย์สินเพื่อเข้าตลาด แต่เมื่อต้นปี 2018 ฟองสบู่แตก ราคาดิ่งลงอย่างรุนแรง สะท้อนบทเรียนสำคัญว่า “ตลาดที่ขึ้นเร็ว มักลงแรง” แม้ภายหลังคริปโตจะฟื้นตัวและพัฒนาต่อไป แต่เหตุการณ์ปี 2017 ยังเป็นรอยจำของนักลงทุนรุ่นเก่า เตือนใจให้คิดให้รอบคอบก่อนลงทุน และอย่าหลงไปกับกระแสโดยไม่เข้าใจสิ่งที่ถืออยู่
Robinhood เปิดตัวโทเคนหุ้นอ้างอิงบริษัทดังอย่าง OpenAI และ SpaceX แม้หุ้นยังไม่ IPO จุดกระแส Tokenization แต่กลับถูกตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส เมื่อพบว่าโทเคนเหล่านั้นอาจไม่ใช่หุ้นจริง ไม่ได้ให้สิทธิ์ผู้ถือ และอาจเป็นเพียงตราสารอนุพันธ์บนบล็อกเชน ด้าน OpenAI ปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ตลาดเริ่มตั้งข้อสงสัยว่า “นี่คือการลงทุนจริง หรือแค่ภาพลวงตา” บทเรียนสำคัญสำหรับนักลงทุนยุคใหม่: อย่ามองแค่ชื่อแบรนด์ ต้องตรวจสอบเบื้องหลังว่า "ถืออะไรอยู่จริง"
ATFX
STARTRADER
FXCM
FOREX.com
HFM
IC Markets Global
ATFX
STARTRADER
FXCM
FOREX.com
HFM
IC Markets Global
ATFX
STARTRADER
FXCM
FOREX.com
HFM
IC Markets Global
ATFX
STARTRADER
FXCM
FOREX.com
HFM
IC Markets Global