简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:การจ่ายขั้นต่ำหรือผิดนัดชำระ แม้เพียงครั้งเดียว อาจทำให้ประวัติเครดิตของคุณเสียไปถึง 3-5 ปี การใช้วงเงินเกิน 80% เป็นประจำ ทำให้สถาบันการเงินมองว่าคุณมีภาระหนี้สูง การสมัครสินเชื่อหลายที่ในเวลาใกล้กัน อาจถูกมองว่าคุณกำลังมีปัญหาทางการเงิน การยกเลิกบัตรเครดิตเก่าบ่อย ๆ ส่งผลต่อประวัติสินเชื่อที่ดี และการค้ำประกันให้คนผิดนัดชำระ อาจทำให้เครดิตของคุณเสียไปโดยไม่รู้ตัว ตรวจสอบพฤติกรรมการเงินของตัวเองเสมอ เพราะเครดิตดี คือกุญแจสำคัญของอนาคตทางการเงิน!
แอดเหยี่ยว มีเรื่องสำคัญที่อยากมาเตือนกันสักหน่อย เกี่ยวกับพฤติกรรมที่หลายคนอาจไม่ทันระวัง และมันส่งผลโดยตรงต่อคะแนนเครดิตของเรา ซึ่งจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่เมื่อถึงเวลาที่เราต้องการขอสินเชื่อหรือทำธุรกรรมการเงินอื่น ๆ ในอนาคต เรามาดูกันว่ามีพฤติกรรมอะไรบ้างที่แอบทำลายเครดิตของคุณโดยไม่รู้ตัว
1.จ่ายขั้นต่ำหรือผิดนัดชำระ
การจ่ายเงินขั้นต่ำหรือผิดนัดชำระอาจดูเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่จริง ๆ แล้วมันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือในสายตาสถาบันการเงินอย่างมาก เพราะการจ่ายขั้นต่ำหมายถึงคุณยังมีหนี้คงค้างที่เสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนการผิดนัดชำระ แม้เพียงครั้งเดียว ก็อาจสร้างรอยด่างในประวัติเครดิตของคุณได้ยาวนานถึง 3-5 ปีเลยทีเดียว!
2.ใช้วงเงินเกิน 80% เป็นประจำ
เคยเช็กไหมว่าคุณใช้วงเงินในบัตรเครดิตหรือสินเชื่อไปเท่าไหร่? ถ้าใช้เกิน 80% เป็นประจำ อาจทำให้สถาบันการเงินมองว่าคุณมีความเสี่ยงสูง เพราะดูเหมือนคุณพึ่งพาสินเชื่อมากเกินไป หรืออาจมีภาระหนี้สินเยอะ ซึ่งส่งผลให้โอกาสในการขอสินเชื่อใหม่ในอนาคตลดลง
3.สมัครสินเชื่อหลายที่ในเวลาใกล้กัน
การสมัครสินเชื่อหลายแห่งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน เป็นสัญญาณที่ทำให้สถาบันการเงินสงสัยว่าคุณกำลังมีปัญหาทางการเงิน หรือกำลังสร้างหนี้เกินตัว หากจำเป็นต้องขอสินเชื่อจริง ๆ ควรวางแผนให้ดี และเว้นระยะเวลาระหว่างการสมัครแต่ละครั้งอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อป้องกันปัญหานี้
4.ยกเลิกบัตรเครดิตเก่าบ่อย ๆ
บัตรเครดิตเก่าที่มีประวัติการใช้งานดี คือสมบัติชิ้นสำคัญของประวัติการเงินคุณ! การยกเลิกบัตรเก่าโดยไม่มีเหตุผล อาจทำให้คุณเสียข้อมูลการใช้สินเชื่อในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการคำนวณคะแนนเครดิต แอดเหยี่ยวขอแนะนำว่า ถ้าไม่จำเป็น ให้เก็บบัตรไว้และใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเพื่อรักษาสถานะบัญชี
5.เป็นผู้ค้ำประกันให้คนที่มีความเสี่ยง
การค้ำประกันให้ผู้อื่นนั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยง เพราะหากผู้กู้ผิดนัดชำระ คุณในฐานะผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบแทน ซึ่งจะส่งผลต่อคะแนนเครดิตของคุณด้วย ก่อนตัดสินใจค้ำประกันใคร ต้องพิจารณาให้รอบคอบว่าเขามีความสามารถในการชำระหนี้หรือไม่
สรุป
แม้ว่าการสร้างคะแนนเครดิตที่ดีจะใช้เวลา แต่การทำลายเครดิตนั้นเกิดขึ้นได้เพียงชั่วพริบตา! พฤติกรรมทั้ง 5 ข้อที่แอดเหยี่ยวเล่ามา อาจดูเล็กน้อยในสายตาหลายคน แต่แท้จริงแล้วมันส่งผลกระทบใหญ่ในระยะยาว อย่าลืมตรวจสอบพฤติกรรมการเงินของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อรักษาคะแนนเครดิตที่ดีไว้ เพราะมันคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ชีวิตการเงินของคุณราบรื่น
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
รีวิวโบรกเกอร์
รีวิวโบรกเกอร์
บทความนี้เล่าเรื่องราวของ Jordan Belfort หรือที่รู้จักกันในชื่อ “The Wolf of Wall Street” ผู้เริ่มต้นจากเซลล์แมนธรรมดาสู่การเป็นเจ้าพ่อแห่งโลกการเงิน ผ่านการก่อตั้งบริษัท Stratton Oakmont ซึ่งใช้กลยุทธ์หลอกลวงนักลงทุนด้วยแผน “Pump and Dump” ทำให้เขาสะสมทรัพย์สินมหาศาลอย่างรวดเร็ว บทความยังกล่าวถึงชีวิตสุดเหวี่ยงของเขาที่เต็มไปด้วยยาเสพติดและฟุ่มเฟือย ก่อนจะถูก FBI จับกุมและต้องชดใช้ความเสียหายกว่า 110 ล้านดอลลาร์ หลังพ้นโทษ Belfortกลับมาในบทบาทนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ แม้ยังเป็นที่ถกเถียงถึงแรงจูงใจที่แท้จริง บทความจบด้วยบทเรียนสำคัญที่นักลงทุนควรระลึกไว้เกี่ยวกับความโลภ ความเชื่อมั่นเกินจริง และอันตรายของการลงทุนโดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน
บทความนี้นำเสนอเรื่องราวต้นกำเนิดของกราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart) ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่แพร่หลายในหมู่นักลงทุน โดยมีจุดเริ่มต้นในยุคเอโดะของญี่ปุ่นจากพ่อค้าข้าวชื่อ โฮนมะ มูเนฮิสะ ผู้คิดค้นรูปแบบการบันทึกราคาผ่าน “แท่งเทียน” เพื่อสะท้อนอารมณ์ตลาดผ่านข้อมูลราคาเปิด ปิด สูงสุด และต่ำสุดในช่วงเวลาหนึ่ง นอกจากการอธิบายโครงสร้างของแท่งเทียนแล้ว บทความยังชี้ให้เห็นถึงความเชื่อด้านจิตวิทยาตลาดของโฮนมะ และการแพร่หลายของเครื่องมือนี้สู่โลกตะวันตกในยุค 1980s ผ่านงานเขียนของ Steve Nison สรุปได้ว่า การเข้าใจแท่งเทียนอย่างลึกซึ้งไม่เพียงช่วยในการวิเคราะห์กราฟ แต่ยังเปิดเผยเบื้องหลังจิตวิทยาและเจตนาของผู้เล่นในตลาดอีกด้วย
STARTRADER
AvaTrade
IB
XM
Neex
GO Markets
STARTRADER
AvaTrade
IB
XM
Neex
GO Markets
STARTRADER
AvaTrade
IB
XM
Neex
GO Markets
STARTRADER
AvaTrade
IB
XM
Neex
GO Markets