简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:แผ่นดินไหว 7.4 ในเมียนมาอาจกระทบตลาดและโครงสร้างพื้นฐาน นักเทรดควรมี UPS และเน็ตสำรอง ตั้งค่า Stop-Loss / Take-Profit และใช้ แอปแจ้งเตือนภัย หากเกิดเหตุ อยู่ในที่ปลอดภัยก่อนคิดเรื่องเทรด หลังเหตุการณ์ ประเมินตลาด ปรับพอร์ต และเช็กระบบเทรด เพื่อรับมือความผันผวน
แอดเหยี่ยวเองครับ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.4 ที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมาเมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายพื้นที่ในประเทศไทย รวมถึงกรุงเทพมหานครที่มีรายงานอาคารถล่มและผู้เสียชีวิต เหตุการณ์นี้ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหว โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อและข้อมูลแบบเรียลไทม์ วันนี้แอดเหยี่ยวจึงอยากมาแบ่งปันแนวทางการเตรียมตัวและรับมือกับแผ่นดินไหวสำหรับนักเทรดทุกท่านครับ
1.การเตรียมความพร้อมล่วงหน้า
ติดตั้งระบบสำรองพลังงาน
แผ่นดินไหวอาจทำให้ไฟฟ้าดับและอินเทอร์เน็ตขัดข้อง ซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับนักเทรด การมีเครื่องสำรองไฟ (UPS) และอินเทอร์เน็ตสำรอง เช่น ซิมมือถือหรือสัญญาณดาวเทียม จะช่วยให้นักเทรดยังสามารถเชื่อมต่อกับตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ตั้งค่า Stop-Loss และ Take-Profit ล่วงหน้า
ตลาดอาจมีความผันผวนสูงหลังจากเกิดแผ่นดินไหว การตั้งค่าหยุดขาดทุนและทำกำไรอัตโนมัติช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจที่ล่าช้าหรือสภาวะตื่นตระหนก
ใช้แอปแจ้งเตือนภัยพิบัติ
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่สามารถแจ้งเตือนแผ่นดินไหวแบบเรียลไทม์ เช่น USGS หรือแอปของหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อให้สามารถรับรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าและตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว
2.การรับมือระหว่างเกิดแผ่นดินไหว
หากอยู่ในอาคาร
หากอยู่ภายนอก
3.การฟื้นตัวหลังเกิดแผ่นดินไหว
ประเมินสถานการณ์ตลาด
หลังเกิดแผ่นดินไหว ตลาดหุ้นหรือสินทรัพย์ต่าง ๆ อาจมีการปรับตัว เช่น ราคาทองคำอาจพุ่งขึ้นจากความไม่แน่นอน หรือหุ้นบริษัทประกันภัยอาจร่วงลง ควรติดตามข่าวสารและพิจารณาปรับกลยุทธ์การลงทุน
ตรวจสอบโครงสร้างพื้นฐานการเทรด
ปรับแผนการลงทุน
หากพบว่ามีผลกระทบรุนแรงต่อตลาด อาจพิจารณาปรับพอร์ตโฟลิโอ เช่น ลดการถือสินทรัพย์เสี่ยง หรือเพิ่มการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรหรือทองคำ
สรุป
แผ่นดินไหวเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ แต่การเตรียมความพร้อมสามารถช่วยลดผลกระทบที่มีต่อทั้งชีวิตและการลงทุนของนักเทรดได้ การมีแผนรับมือที่ดี จะช่วยให้นักเทรดสามารถรักษาทั้งความปลอดภัยและผลกำไรได้แม้ในช่วงเวลาวิกฤติ
ขอบคุณข้อมูลจาก thaipbs
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้เน้นให้เห็นว่า “จิตวิทยาการลงทุน” คือปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เทรดเดอร์อยู่รอดในตลาด ไม่ว่าจะเป็น Forex, Crypto หรือหุ้น มากกว่าความรู้ทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว โดยแอดเหยี่ยวได้สรุป 5 หลักคิดของเทรดเดอร์มืออาชีพ ได้แก่ 1) ยอมรับความเสี่ยงก่อนเทรด 2) ควบคุมอารมณ์ไม่ให้โลภหรือกลัว 3) มีวินัยเหมือนนักกีฬาอาชีพ 4) มองระยะยาวมากกว่ากำไรสั้น ๆ และ 5) เรียนรู้จากความผิดพลาดแทนการโทษตลาด พร้อมแนะนำให้ผู้เริ่มต้นฝึกเขียนแผนเทรด กำหนดความเสี่ยง และบันทึกพ
บทความนี้ตอบคำถามยอดฮิตของมือใหม่ว่า ควรเรียนเทรด Forex เองหรือไปลงคอร์ส? โดยชี้ให้เห็นว่า ทั้งสองทางทำได้ ไม่มีคำตอบตายตัว การเรียนด้วยตัวเองเหมาะกับคนที่มีเวลาและชอบค้นคว้า ส่วนคอร์สช่วยย่นเวลาและให้โครงสร้างที่ชัดเจน แต่ไม่การันตีความสำเร็จ สิ่งสำคัญที่สุดคือ mindset ของเทรดเดอร์ ได้แก่ วินัย การบริหารความเสี่ยง ความไม่คาดหวังรวยเร็ว และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าทางไหนก็ประสบความสำเร็จได้ หากตั้งใจและฝึกฝนจริงจัง มากกว่าการมัวแต่หาสูตรสำเร็จหรือที่เรียนที่ดีที่สุด.
ตลาด Forex เปิด 24 ชั่วโมง จันทร์–ศุกร์ แต่ปิดเสาร์-อาทิตย์ สำหรับคนทำงานประจำ ช่วงค่ำ (1 ทุ่ม–5 ทุ่ม) และช่วงดึก (2 ทุ่ม–ตี 1) คือเวลาทอง เพราะตลาดลอนดอน–นิวยอร์กคึกคักสุด รู้จังหวะเวลา = เทรดมีคุณภาพกว่าฝืนเฝ้าจอทั้งวัน
กราฟแท่งเทียน (Candlestick) ที่ใช้ในการเทรดทุกวันนี้ มีต้นกำเนิดจากญี่ปุ่นกว่า 300 ปีก่อน สมัยเอโดะที่ “ข้าว” เป็นสินค้ามีค่ามากจนเกิดตลาดซื้อขายล่วงหน้าในโอซาก้า มุเนฮิสะ ฮอมมะ พ่อค้าซามูไรผู้สังเกตว่าราคาเปลี่ยนตามอารมณ์คน จึงคิดวิธีบันทึกราคาเป็นแท่ง เปิด-ปิด-สูง-ต่ำ กลายมาเป็นกราฟเทียนในปัจจุบัน บทเรียนจากยุคนั้นยังใช้ได้เสมอ: ข่าวมีผลต่อราคา จิตวิทยามวลชนขับเคลื่อนตลาด และวินัยคือสิ่งที่ทำให้เทรดเดอร์ได้เปรียบ