简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:Tether ผู้ออกเหรียญ Stablecoin เดินหน้ามาตรการปราบปรามการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในทางที่ผิด อายัดเหรียญ USDT มูลค่ากว่า 12.3 ล้านดอลลาร์ บนเครือข่าย Tron
Tether ผู้ออกเหรียญ Stablecoin รายใหญ่ของโลก เดินหน้ามาตรการปราบปรามการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลในทางที่ผิด ด้วยการอายัดเหรียญ USDT มูลค่ากว่า 12.3 ล้านดอลลาร์ บนเครือข่าย Tron หลังพบความเคลื่อนไหวที่เข้าข่ายเป็นธุรกรรมต้องสงสัย
จากข้อมูลของ Tronscan การอายัดดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 09:15 น. (UTC) ของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แม้ Tether จะยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่แหล่งข่าวคาดว่าเหตุการณ์นี้อาจเกี่ยวข้องกับความพยายามในการสกัดการฟอกเงิน หรือการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
แนวทางเข้มข้นตามนโยบาย OFAC
Tether ยืนยันจุดยืนในช่วงหลังด้วยการยกระดับนโยบายอายัดกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยอิงตามรายชื่อบุคคลและองค์กรต้องห้าม (SDN List) ของสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการต่อต้าน:
การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์อายัด USDT มูลค่า 27 ล้านดอลลาร์ บนแพลตฟอร์ม Garantex เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งในวันเดียวกันนั้น Garantex ได้ประกาศยุติการให้บริการ พร้อมโจมตี Tether ว่า “ทำสงครามกับตลาดคริปโตของรัสเซีย”
เครือข่าย Garantex และความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงิน
แพลตฟอร์ม Garantex เคยถูก OFAC ขึ้นบัญชีคว่ำบาตรตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย AML และข้อบังคับด้านการเงินอื่น ๆ โดยล่าสุดรายงานจาก Global Ledger ระบุว่า ยังมีเงินสำรองอีกกว่า 15 ล้านดอลลาร์ ที่เชื่อมโยงกับ Garantex บนบล็อกเชน
แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่า Tether สามารถอายัดเหรียญของผู้ใช้ได้โดยตรง ซึ่งขัดกับหลักการ “การกระจายอำนาจ” ที่หลายฝ่ายยึดถือในโลกคริปโต แต่มาตรการนี้ช่วยสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความร่วมมือกับหน่วยงานระดับโลก
Tether ยังได้จับมือกับ หน่วย FCU (Financial Crimes Unit), Tron Network และ TRM Labs เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการตรวจจับและอายัดธุรกรรมต้องสงสัย โดยในช่วง 6 เดือนแรกของการดำเนินงาน มีการอายัด USDT รวมแล้วกว่า 126 ล้านดอลลาร์
ความร่วมมือดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการสกัดกั้นกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ เช่น Lazarus Group ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งเคยลักลอบฟอกเงินจากเหรียญคริปโตมูลค่ารวมกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ระหว่างปี 2020 - 2023
Tether ยังเคยอายัดเงินกว่า 374,000 ดอลลาร์ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม Lazarus ในเดือนพฤศจิกายน 2023 ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บล็อกเชนอย่าง ZachXBT ยังรายงานว่า มีผู้ออก Stablecoin รายอื่นร่วมมือกันอายัดเงินอีก 3.4 ล้านดอลลาร์ จากกระเป๋าเงินที่เชื่อมโยงกับกลุ่มเดียวกัน
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ในปี 2025 การเทรดคริปโตฯ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ใช่แค่เรื่องกลยุทธ์หรือแพลตฟอร์ม แต่ “ความปลอดภัย” คือหัวใจสำคัญ VPN กลายเป็นไอเทมจำเป็นของนักเทรดยุคใหม่ ทั้งเพื่อปกป้องข้อมูล ซ่อนตัวจากการติดตาม และปลดล็อกขีดจำกัดการเข้าถึงข้อมูลทั่วโลก.
เรื่องราวสุดอบอุ่นใจเกิดขึ้นเมื่อ “แอดดี้ มูนีย์” วัย 18 ปี ใช้ไหวพริบและหัวใจกล้าหาญช่วยคุณยายวัยชราจากการตกเป็นเหยื่อหลอกลวงให้โอนเงินผ่าน Bitcoin กว่า 6 แสนบาท ความไม่เพิกเฉยของเธอไม่เพียงหยุดอาชญากรรม แต่ยังจุดประกายศรัทธาในน้ำใจของมนุษย์ให้กลับมาอีกครั้งในยุคที่เทคโนโลยีอาจกลายเป็นเครื่องมือของคนไม่ดี.
รัฐบาลไทยประกาศยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับกำไรจากการขายคริปโตฯ เป็นเวลา 5 ปี (2568–2572) หากซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. มาตรการนี้มุ่งผลักดันไทยสู่การเป็น Digital Asset Hub ดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมสร้างความมั่นใจให้ผู้ลงทุนคริปโตในประเทศ
บทความกล่าวถึงคดีแชร์แม่มณี ซึ่งใช้โซเชียลมีเดียสร้างภาพความร่ำรวยเพื่อชักชวนให้คนร่วมลงทุนในระบบแชร์ลูกโซ่ จนมีผู้เสียหายกว่า 4,000 ราย สูญเงินรวมกว่า 1,400 ล้านบาท ชี้ให้เห็นอันตรายของการลงทุนที่ไร้การตรวจสอบ และเตือนให้มีสติเมื่อเจอข้อเสนอที่ “ดีเกินจริง”