简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เป็นวันที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย การลอยตัวค่าเงินบาทนำไปสู่ภาวะเงินทุนไหลออกอย่างรวดเร็ว ฟองสบู่เศรษฐกิจแตก ธุรกิจล้มละลาย และคนตกงานจำนวนมาก เหตุการณ์นี้เผยให้เห็นความเปราะบางจากหนี้ต่างประเทศที่สูง การเก็งกำไร และขาดวินัยทางการเงิน บทเรียนจากวิกฤตนี้ยังคงมีความสำคัญในยุคปัจจุบัน โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นของการบริหารความเสี่ยง การควบคุมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และวินัยทางการเงินเพื่อสร้างความมั่นคงอย่างยั่งยืนในระบบเศรษฐกิจ
วันที่ 2 กรกฎาคมของทุกปี อาจเป็นวันธรรมดาวันหนึ่งสำหรับใครหลายคน แต่หากย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ นี่คือวันที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง หรือที่ทั่วโลกรู้จักกันในชื่อว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง” (Tom Yum Goong Crisis)
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเขย่าระบบเศรษฐกิจไทยจนสะเทือนทั้งประเทศ แต่ยังกลายเป็น “บทเรียนราคาแพง” ที่คนทำธุรกิจ นักลงทุน และผู้บริหารนโยบายการเงินทั่วโลกต้องศึกษา
ย้อนกลับไปก่อนปี 2540 ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่เศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว การลงทุนจากต่างประเทศหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินบาทถูกตรึงไว้ที่ 25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ความเชื่อมั่นในเสถียรภาพเศรษฐกิจ ทำให้เกิดการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์
แต่เบื้องหลังความเฟื่องฟูนั้น ซ่อนความเปราะบางที่รอวันปะทุ…
ทั้งหมดนี้ คือส่วนผสมของ “ฟองสบู่เศรษฐกิจ” ที่พร้อมจะแตกเมื่อความเชื่อมั่นหายไป
วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศ “ลอยตัวค่าเงินบาท” หลังไม่สามารถต้านทานแรงกดดันจากการโจมตีค่าเงินได้อีกต่อไป
ผลกระทบเกิดขึ้นในทันที:
ประเทศไทยต้องขอความช่วยเหลือจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ทำไมจึงเรียกว่า “ต้มยำกุ้ง”?
คำว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง” (Tom Yum Goong Crisis) เป็นชื่อที่สื่อต่างชาติใช้เรียก เนื่องจากประเทศไทยเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตที่ลุกลามไปยังหลายประเทศในเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ คำว่า “ต้มยำกุ้ง” จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของวิกฤตทางการเงินที่เริ่มจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสะท้อนถึง “ความเผ็ดร้อน” ของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
แม้เวลาจะผ่านมา 28 ปี แต่บทเรียนจากวิกฤตต้มยำกุ้งยังคงมีคุณค่า
โดยเฉพาะในยุคที่เศรษฐกิจโลกยังผันผวนจากปัจจัยต่างๆ เช่น
บทเรียนหลักๆ จากวิกฤตครั้งนั้น ได้แก่:
1.อย่ามองข้ามความเสี่ยงจากหนี้ต่างประเทศ
หากรายได้หลักยังเป็นเงินบาท การกู้เงินในสกุลต่างประเทศคือความเสี่ยงมหาศาล
2.เศรษฐกิจที่เติบโตเร็วเกินไป อาจซ่อนฟองสบู่
ต้องมีการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ และประเมินความยั่งยืนของธุรกิจ
3.การตรึงค่าเงินต้องมีทุนสำรองเพียงพอ
เพราะถ้าไม่พร้อมป้องกันการโจมตีจากตลาดโลก การล่มสลายอาจเกิดในชั่วข้ามคืน
4.วินัยทางการเงินของทั้งภาครัฐและเอกชน คือหัวใจสำคัญ
.
วิกฤตต้มยำกุ้งไม่ได้เกิดเพราะ “โชคร้าย” แต่เกิดจากการเพิกเฉยต่อความเสี่ยง และการประมาทกับความเฟื่องฟูทางเศรษฐกิจ
ในยุคที่การเทรด การลงทุน และธุรกิจเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้นกว่าที่เคย ผู้เล่นในตลาดจึงยิ่งต้องย้อนกลับมามองคำถามสำคัญ:
“วันนี้เรากำลังสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคง… หรือแค่เศรษฐกิจที่ดูดีในสายตาคนอื่น?” บทเรียนปี 1997 อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ควรหยิบมาทบทวนอยู่เสมอ
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
IC Markets Global
OANDA
XM
KVB
TMGM
GTCFX
IC Markets Global
OANDA
XM
KVB
TMGM
GTCFX
IC Markets Global
OANDA
XM
KVB
TMGM
GTCFX
IC Markets Global
OANDA
XM
KVB
TMGM
GTCFX