简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ: เพื่อนๆ นักลงทุนเคยสังเกตกันไหมว่า ทำไมเวลาที่ราคาของ ‘Bitcoin’ ตกลงมา จะทำให้ราคาของ ‘Altcoin’ หรือ เหรียญ ‘คริปโต’ อื่นๆ ในตลาดตกตามมันลงมาด้วย ถ้าหาคุณอยากรู้เหตุผลบทความนี้จาก ‘Wikibit’ มีคำตอบมาก
เพื่อนๆ นักลงทุนเคยสังเกตกันไหมว่า ทำไมเวลาที่ราคาของ ‘Bitcoin’ ตกลงมา จะทำให้ราคาของ ‘Altcoin’ หรือ เหรียญ ‘คริปโต’ อื่นๆ ในตลาดตกตามมันลงมาด้วย ถ้าหาคุณอยากรู้เหตุผลบทความนี้จาก ‘Wikibit’ มีคำตอบมาก
1. ‘Bitcoin’ คือ พระเจ้า
‘Bitcoin’ ถือเป็นพระเจ้าในโลกของคริปโตเลยก็ว่าได้ เนื่องจากมันส่วนแบ่งตลาดที่สูงกว่า 60% อยากส่วนแบ่งตลาดทั้งหมดของเหรียญ และด้วยส่วนแบ่งที่เยอะ เมื่อถึงเวลาที่มันจะร่วง มันก็พาเหรียญตัวอื่นๆ ที่มีส่วนแบ่งตลาดน้อยๆ ร่วงลงไปด้วย แต่ก็ส่งผลไม่เสมอไปกับเหรียญบางตัวที่ในช่วงนั้นอาจจะมีโปรเจกต์ต่างๆ ที่มีอิทธิพลมากพอให้ราคาของมันพุ่งสวนทางกับ ‘Bitcoin’ ได้ ดังนั้น ‘Bitcoin’ จึงเปรียบเสมือนภาพสะท้อนของตลาดคริปโตนั่นเอง
2. คู่เทรด ‘Altcoin’ กับ ‘Bitcoin’
นักลงทุนส่วนใหญ่ที่เข้าวงการเทรดคริปโตมักเริ่มลงทุนใน ‘Bitcoin’ คู่กับเงิน ‘Fiat’ อย่าง ‘USDT’ หรือ ‘THB’ ก่อนเสมอ (BTC/USDT) และเมื่อถึงเวลาที่พวกเขารู้สึกว่าถือ ‘Bitcoin’ แล้วได้กำไร พวกเขาก็มักจะเริ่มแบ่งกำไรบางส่วนมาลงทุนใน ‘Altcoin’ คู่กับ ‘Bitcoin’ เป็น Step 2 ยกตัวอย่างเช่น ETH/BTC เป็นต้น ส่งผลให้ราคาเหรียญนั้นๆ ค่อยๆ พุ่งตาม ‘Bitcoin’ ไปด้วย แต่พอถึงจุดหนึ่งที่ราคา ‘Bitcoin’ มีแนวโน้มที่จะตกลง จากการโดนวาฬเท หรืออื่นๆ นักลงทุนส่วนใหญ่ก็มักจะเปลี่ยน ‘Altcoin’ กลับไปเป็นเงิน ‘Fiat’ ที่คงมูลค่าเดิมทันที เพราะเขามองภาพรวมของตลาดจาก ‘Bitcoin’ หาก ‘Bitcoin’ ลง ‘Altcoin’ ก็อาจตามไปด้วยนั่นเอง
นี่เป็นเพียงเหตุผลง่ายที่ทาง ‘Wikibit’ สรุปมาตอบคำถามของเพื่อนๆ นักลงทุน ให้หายคาใจ แต่ก็อย่างที่บอกการขึ้นลงของราคาเหรียญอื่นๆ ในตลาดนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่ ‘Bitcoin’ เพียงแต่ส่วนใหญ่พวกมันมักจะขึ้นลงตาม ‘Bitcoin’ อิงจากเหตุผลข้างต้นนั่นเอง อย่างไรก็ตามคุณสามารถเข้ามาศึกษาข้อมูล ติดตามข่าวสารสาระความรู้ และรูปแบบกลโกงต่างๆ ในโลกของคริปโต ได้ที่แอป ‘Wikibit’ แถมตัวแอปยังสามารถใช้ตรวจสอบข้อมูลต่างๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุนได้อีกด้วย ตัวช่วยดีๆ แบบนี้ นักลงทุนคริปโตคนไหนยังไม่โหลดติดมือถือไว้ ถือว่าพลาดมากๆ!!!
แอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ เป็นแอปที่คุณสามารถใช้ตรวจสอบ ‘แอปเทรดคริปโต’ ‘เหรียญคริปโต’ และ ‘DeFi’ ได้อย่างสะดวกสบาย เพียงแค่กดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้น ‘Whitepaper’ แถมตัวแอปยังมีการอัปเดตข้อมูลข่าวสาร และรูปแบบกลโกงในวงการคริปโตไว้ให้คุณได้ศึกษาอีกด้วย ถือว่าครบจบในแอปเดียว โหลดเลย!!
ติดตามข้อมูลข่าวสารวงการคริปโต พร้อมตรวจสอบ Exchange ทั่วโลก รวบรวมข้อมูล Shitcoin และโครงการเถื่อน ได้ที่….
App : “WikiBit” (ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ ฟรี!)
Facebook : https://www.facebook.com/Wikibit.th/ (กด SEE FRIST เพื่อที่คุณจะไม่พลาดข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ จากทางเพจ)
ขอขอบคุณข้อมูลจากช่อง Youtube : I Learn a lot
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ตัวตนของ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ผู้สร้าง Bitcoin ยังคงเป็นปริศนาที่โลกคริปโทไม่เคยไขกระจ่าง แม้เวลาจะผ่านไป Benjamin Wallace นักสืบและอดีตนักเขียน Newsweek ได้อุทิศเวลาถึง 15 ปี เพื่อตามหาผู้สร้าง Bitcoin โดยการวิเคราะห์หลักฐานที่ซาโตชิทิ้งไว้ รวมถึงตรวจสอบสมาชิกกลุ่ม Cypherpunks ที่น่าสงสัย เช่น James A. Donald อย่างไรก็ตาม แม้จะพบเบาะแสที่เชื่อมโยงได้มากมาย Donald กลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา Wallace ตระหนักในที่สุดว่า Bitcoin ได้เติบโตขึ้นจนอยู่เหนือผู้สร้าง และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบารมีของซาโตชิอีกต่อไป โดยซาโตชิอาจเป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพทางการเงินในศตวรรษที่ 21 มากกว่าจะเป็นตัวตนของใครคนหนึ่ง
คณะทำงานด้านคริปโทเคอร์เรนซีของ SEC สหรัฐฯ จัดการประชุมโต๊ะกลมครั้งแรกเพื่อหารือถึงแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและกรรมาธิการ SEC เข้าร่วม การประชุมเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทฯ และยกเลิกมาตรการควบคุมเข้มงวดในยุครัฐบาลไบเดน เช่น การฟ้องร้องบริษัทคริปโทฯ รายใหญ่ การหารือครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การจัดประเภทโทเคนดิจิทัลและการพัฒนากฎเกณฑ์ใหม่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโทฯ ภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสม
ความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโต
Malone Lam ชาวสิงคโปร์วัย 20 ปี ถูกตั้งข้อหาในสหรัฐฯ ฐานขโมย 4,100 BTC มูลค่า 230 ล้านดอลลาร์ โดยใช้วิธีหลอกลวงเหยื่อผ่าน social engineering และฟอกเงินด้วย crypto mixers หากถูกตัดสินว่าผิด เขาอาจถูกจำคุกสูงสุด 20 ปี โดยมีกำหนดไต่สวนวันที่ 6 ตุลาคม 2025
IB
Exness
FXTM
IC Markets Global
XM
FXCM
IB
Exness
FXTM
IC Markets Global
XM
FXCM
IB
Exness
FXTM
IC Markets Global
XM
FXCM
IB
Exness
FXTM
IC Markets Global
XM
FXCM